วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

Corporate Social Responsibility (CSR)

Corporate Social Responsibility (CSR) ของ Heineken



โลกสีเขียวของ ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่

                       จุดเด่นของโครงการ น้ำเพื่อชีวิต หรือ Water for Life อยู่ตรงที่เป็นวิธีบำบัดน้ำเสียที่ใช้หลักการธรรมชาติช่วยธรรมชาติ ด้วยเทคโนโลยี ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ค่าใช้จ่ายต่ำ ทั้งยังเป็นแหล่งสร้างรายได้เสริมให้กับชุมชนในท้องถิ่นที่มาช่วยปลูก ดูแล และตัดพืชเพื่อนำไปเลี้ยงสัตว์หรือทำหัตถกรรมจักสานต่างๆ

                       โดยเป็นการน้อมนำแนวพระราชดำริโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถ้าหากประสบความสำเร็จ "น้ำเพื่อชีวิต" อาจจะกลายเป็นโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมที่เป็นต้นแบบของโรงงานผลิตเบียร์ "ไฮเนเก้น" ทั่วโลก
 
                       มร.มาร์ค เดอ เมเยอร์ ผู้อำนวยการแผนกซัพพลายเชน บริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด ซึ่งมีหน้าที่ดูแลโรงงาน ควบคุมขั้นตอนการผลิต และการควบคุมมาตรฐานผลิตภัณฑ์เบียร์ ไฮเนเก้น ไทเกอร์ และเชียร์ กล่าว ทั้งนี้แม้ว่าโรงงานผลิตของบริษัทจะได้รับ มาตรฐาน ISO 14001:2004 ในฐานะที่เป็นบริษัทที่มีระบบการจัดการรักษาสิ่งแวดล้อมที่ดีเยี่ยม ตลอดจน ISO 9001:2000 และ ISO 9002 แล้วก็ตาม แต่ก็มีแนวคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่ดียิ่งกว่าหากจะใช้ธรรมชาติบำบัด ธรรมชาติ
 
                       อย่างไรก็ดี ผลลัพธ์ของเรื่องนี้คงไม่สามารถเห็นผลทันตาในวันนี้วันพรุ่งนี้ เขาบอกว่าต้องอดทนรอบทพิสูจน์กันเป็นเวลา 3 ปี เนื่องจากวิธีของ โครงการน้ำเพื่อชีวิตเป็นการบำบัดน้ำเสียจากอุตสาหกรรมขนาดใหญ่แตกต่างจาก โครงการแหลมผักเบี้ยที่บำบัดน้ำเสียจากครัวเรือน เพื่อดำเนินงานทางด้านความรับผิดชอบทางสังคม (CSR) ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ ได้กำหนด platform ที่ชื่อ Proud to be Green วัตถุประสงค์ก็เพื่อส่งเสริมและรักษาสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลังงาน และการจัดการวัสดุเหลือใช้อย่างมีประสิทธิภาพ โครงการ "น้ำเพื่อชีวิต" ก็คือหนึ่งในนโยบาย Proud to be Green โดยได้รับความร่วมมือจากคณะนักวิชาการสิ่งแวดล้อมจากโครงการแหลมผักเบี้ยและ วิทยาลัยสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งใช้เวลาศึกษาถึง 2 ปี เพื่อเลือกหาวิธีการที่เหมาะสมกับพื้นที่และสภาพแวดล้อมของโรงผลิตเบียร์ที่ สุด ได้กำหนดเป็น 2 วิธี วิธีแรกเป็น พื้นที่ชุ่มน้ำเทียม วิธีที่สองเป็น พื้นที่หญ้ากรองน้ำเสีย

                       โดยได้ทดลองปลูกพืชที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น 3 ชนิด ได้แก่ ธูปฤๅษี พุทธรักษา และหญ้าเลี้ยงสัตว์ ในแปลงทดลองจำนวน 5 แปลง ที่มีขนาดกว้าง 5 เมตร ยาว 100 เมตร บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ของโรงผลิตเบียร์
การบำบัดน้ำเสียรูปแบบนี้จะอาศัยการทำงานร่วม กันของพืชและจุลินทรีย์ในดินช่วยบำบัดสิ่งสกปรกจากน้ำ ในระบบพื้นที่ชุ่มน้ำเทียมนั้นจะใช้วิธีปล่อยให้น้ำเสียไหลเข้าอย่างต่อ เนื่อง มีระยะเวลากักน้ำเสียไว้ 1 วัน จากนั้นปล่อยน้ำเสียใหม่จะไปดันน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วให้ไหลออกสู่แหล่งน้ำ ต่อไป ขณะที่ระบบพืชหญ้ากรองน้ำเสียจะเป็นการปล่อยน้ำเข้าสู่แปลงดิน ขังไว้ 5 วัน หลังจากการบำบัดในแปลง 5 วัน จึงปล่อยออกสู่แหล่งน้ำ แล้วทิ้งให้แปลงดินแห้ง 2 วัน จึงเริ่มปล่อยน้ำเสียเข้าสู่ระบบบำบัดหมุนวนเช่นนี้ไปเรื่อยๆ และบริษัทก็จะว่าจ้างให้ชาวบ้านในชุมชนรอบข้าง เก็บเกี่ยวพืชที่เติบโตไปใช้ประโยชน์ในการเลี้ยงสัตว์ หรือทำเครื่องหัตถกรรมจักสานต่างๆ สร้างรายได้ต่อไป
 
                       โรงผลิตเบียร์นั้นใช้น้ำเป็นวัตถุดิบสำคัญใน กระบวนการผลิต และกว่าจะออกมาเป็นเบียร์ 1 ลิตร จะมีน้ำเสียที่ผ่านการใช้งานประมาณ 3-10 ลิตร ปัจจุบันโรงงานแห่งนี้มีน้ำเสีย 1,500 ลูกบาศก์เมตรประมาณต่อวัน ซึ่งจะผ่านระบบบำบัดก่อนปล่อยลงสู่คลองชลประทานซึ่งไหลผ่านด้านข้างของโรง งานผลิต


Proud to be Green

                       ภายใต้นโยบาย Proud to be Green ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ ยังริเริ่มโครงการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่น่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ ในปี ค.ศ.2007 ทำโครงการ "เรารับผิดชอบ" รณรงค์เป็นพิเศษในเรื่อง ดื่มไม่ขับ กลับบ้านปลอดภัยโครงการช่วยเหลือชุมชนที่ประสบอุทกภัย รอบโรงเบียร์ โครงการสร้างแนวเขื่อนกั้นน้ำช่วยเหลือชุมชนที่ประสบอุทกภัยในอ่างทอง และโครงการรวมพลังทำความสะอาดหัวหินหลังงานแจ๊ซ เฟสติวัล

                       ในปี ค.ศ.2008 เปิดตัวเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ดิจิทัลขนาดพกพา โครงการคืนขวด หรือ Reuse Bottle campaign และโครงการรวมพลังทำความสะอาดหัวหินหลังงานแจ๊ซ เฟสติวัล 2008
                       และในปี ค.ศ.2009 โครงการ น้ำเพื่อชีวิตและโครงการรณรงค์ เมาไม่ขับกลับแท็กซี่ โทร.1555 ร่วมกับกรุงเทพมหานคร เพื่อลดอุบัติเหตุจราจรช่วงเทศกาลปีใหม่ เป็นต้น

                       อย่างไรก็ดี มร.มาร์ค เดอ เมเยอร์ กล่าวว่ามีการดำเนินโครงการสร้างจิตสำนึกพนักงานภายในองค์กรคู่ขนานไปพร้อมๆ กันด้วย โดยมุ่งไปที่เรื่องลดปริมาณการใช้พลังงาน คือไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงน้ำประปา และได้ตั้งเป้าหมายจะลดให้ได้ 15 เปอร์เซ็นต์ในอีก 3 ปีข้างหน้า

                       ด้วยประสบการณ์ที่ได้สัมผัสกับพนักงานคนไทย ปีกว่าๆ เขามั่นใจว่าบริษัทจะบรรลุเป้าหมายได้อย่างแน่นอน เนื่องจากคนไทยใส่ใจในทุกรายละเอียดและร่วมมือร่วมใจมีจุดแข็งในเรื่องทีม เวิร์ค สำหรับผู้บริหารชาวเบลเยียมคนนี้ CSR ไม่ใช่แค่เพียงเพื่อภาพลักษณ์หรือสร้างความเข้มแข็งในการแข่งขันให้ธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องของแพ้ชนะ แต่เป็นเรื่องที่ทุกคนทุกองค์กรต้องทำ ซึ่งทุกโครงการที่จัดตั้งขึ้นนี้เป็นการลงแรง ลงมือ อย่างจริงจังของพนักงานทุกคนในบริษัททั้งสิ้น


โฆษณาของ Heineken
ที่มีเนื้อหาในหารสอดแทรกถึงความรับผิดชอบของคนดื่มเอาไว้ในตัวโฆษณา




ฉลองยันเช้ากับ ไฮเนเก้น อย่าเมามากเดี๋ยวไม่เห็นอาทิตย์ขึ้นรับปีใหม่ 


                       คลิป ฉลองยันเช้ากับ ไฮเนเก้น อย่าเมามากเดี๋ยวไม่เห็นอาทิตย์ขึ้นรับปีใหม่ คลิป ฉลองยันเช้า รอรับแสงแรกของวันใหม่กับเบียร์ ไฮเนเก้น ( Heineken ) โฆษณาใหม่ของไฮเนเก้น ที่ขอบอกว่าคอนเซ็ปต์ยอดเยี่ยมมากๆ มีความรับผิดชอบต่อสังคมสูง ในคอนเซ็ปต์ว่า " Sunrise belongs to moderate drinkers " หรือ แปลว่า แสงแรกของวันใหม่เป็นของนักดื่มที่มีสติเท่านั้น ซึ่งเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ เพื่อนๆก็เหมือนกันนะครับ อย่าเมามากเดี๋ยวไม่เห็นอาทิตย์ขึ้นรับปีใหม่ นะเออ ลองไปดูกันครับ ที่นี่เลยจ้า
 

การส่งเสริมความรับผิดชอบ

                      สิ่งที่ทำให้ Heineken เป็นหนึ่งในผู้ผลิตเบียร์ที่เยี่ยมยอดที่สุดในโลกคือ เรามีทั้งโอกาสและความรับผิดชอบที่จะสร้างค่านิยมการดื่มอย่างพอเหมาะ

                      ในฐานะผู้นำของอุตสาหกรรม เราใช้วิธีที่ได้ผลและต่อเนื่องในการส่งเสริมทัศนคติเรื่องความรับผิดชอบต่อแอลกอฮอล์ และต่อต้านการดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่ถูกต้องอย่างจริงจัง ด้วยวิธีดังกล่าว เราจึงมีบทบาทสำคัญในการลดปัญหาการดื่มอย่างไร้ความรับผิดชอบ
ทำการตลาดผลิตภัณฑ์ของเราอย่างรับผิดชอบ
กฎความรับผิดชอบในการสื่อสารทางการค้าของเราแนะนำให้ทุกคนที่ Heineken ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตลาด และขายผลิตภัณฑ์ของเราให้แน่ใจว่าเราไม่ได้สนับสนุนการบริโภคแอลกอฮอล์เกินขนาด หรือใช้ในทางที่ผิด

                      เรายังปฏิบัติตามกฎหมายภูมิภาคและระหว่างประเทศสำหรับการโฆษณาเบียร์และแอลกอฮอล์ เราจัดวางการสื่อสารทางการค้าในสถานที่ที่ร้อยละ 70 ของผู้ชมมีอายุมากกว่า 18 ปี หรืออายุที่กฎหมายอนุญาตให้ซื้อได้หากมากกว่า 18 ปีในบางประเทศ เราจะนำเสนอเฉพาะบุคคลที่อายุอย่างต่ำ 25 ปีซึ่งมีการกระทำและลักษณะที่ตรงกับอายุเท่านั้น เราจะไม่แนะนำว่าแอลกอฮอล์คือกุญแจในความสำเร็จของการเข้าสังคมหรือเรื่องเพศ

                      เราให้คำนิยามการสื่อสารทางการค้าเป็นทุกกิจกรรมที่ทำเพื่อทำตลาดแบรนด์ของเรา (แบรนด์แอลกอฮอล์ทั้งแบบมีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์) ซึ่งรวมถึง: โฆษณา ชื่อแบรนด์ ตัวบอกผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์และฉลาก การสื่อสารทางดิจิตอลและโทรศัพท์มือถือ การให้การสนับสนุน การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ การส่งเสริมการขาย (ผู้บริโภคและธุรกิจ) และวัสดุที่จุดขายทั้งหมด

พนักงานในฐานะทูต
                      เราส่งเสริมพนักงานของเราให้เป็นทูตสำหรับความรับผิดชอบในการบริโภคแอลกอฮอล์ และให้พวกเขามีความรับผิดชอบส่วนบุคคลในการบริโภคแอลกอฮอล์

                      บริษัท Heineken ทั่วโลกจะนำ Cool@Work มาปรับใช้ Cool@Work คือสถานที่ทำงานของโปรแกรมป้องกันและให้ข้อมูลเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ โดยมีเป้าหมายที่การปรับปรุงความปลอดภัยและสุขภาพในที่ทำงาน ความรับผิดชอบต่อการบริโภคแอลกอฮอล์ และสร้างการตระหนักถึง ความมุ่งมั่น และความเป็นตัวแทนในเหล่าพนักงาน

พนักงานจะถูกแบ่งเป็นสามกลุ่ม และข้อมูลที่เป็นเป้าหมายกับการสนับสนุนจะถูกส่งให้แต่ละกลุ่มดังนี้:

                      สีเขียว: พนักงานส่วนใหญ่ที่บริโภคแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะ และเป็นนักดื่มที่มีความรับผิดชอบ
                      สีอำพัน: ผู้ที่อยู่ในความเสี่ยงที่จะมีปัญหาจากแอลกอฮอล์เนื่องจากกิจกรรมการงาน และลักษณะนิสัย
                      สีแดง: บุคคลที่มีปัญหาในด้านสุขภาพและประสิทธิภาพอันเนื่องมาจากการบริโภคแอลกอฮอล์

                      การสื่อสารและการฝึกที่วางเป้าไว้จะถูกนำไปใช้ในรอบปีโดยบริษัทที่ปฏิบัติงานอยู่ ทั่วโลกด้วยเครื่องมือและวิธีการที่เหมาะสมที่สุดต่อความต้องการของตลาด

ทำงานกับอุตสาหกรรม
                      อุตสาหกรรมสามารถเป็นคู่ค้าสำคัญที่ส่งเสริมความรับผิดชอบในการดื่ม ผลกระทบจากการที่ผู้ผลิตทำงานร่วมกันในการชี้ถึงปัญหานั้นจะมีพลังมากกว่า และในบางกรณีจะมีผลกระทบมากกว่าที่แต่ละบริษัทกระทำการเพียงลำพัง

                      กลุ่มอุตสาหกรรม รัฐบาล องค์กรที่ทำงานโดยไม่แสวงหากำไร กลุ่มผู้บริโภค หน่วยงานตำรวจ ผู้ออกกฎหมาย ผู้ค้าปลีก เจ้าของบาร์และผับ และกลุ่มชุมชนเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการบริโภคด้วยความรับผิดชอบ

                      เราทำงานกับผู้ผลิตในระดับโลก (Worldwide Brewing Alliance) ระดับภูมิภาค (เช่น Brewers of Europe) และในระดับตลาดบนความร่วมมือเริ่มเพื่อส่งเสริมการบริโภคด้วยความรับผิดชอบ นอกจากนี้ เรายังร่วมมือกับอุตสาหกรรมแอลกอฮอล์ที่กว้างขึ้นในระดับโลก (เช่น ศูนย์ระหว่างประเทศสำหรับนโยบายแอลกอฮอล์) และในอีกหลายๆ ตลาด (เช่น กลุ่ม Portman ในสหราชอาณาจักร)

ทำงานกับหุ้นส่วน
                      เราจะทำงานกับผู้อื่นเพื่อส่งเสริมทัศนคติเรื่องความรับผิดชอบต่อแอลกอฮอล์ และชี้ถึงภัยที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ องค์การอนามัยโลกได้ตระหนักว่าผู้ผลิตสามารถมีส่วนช่วยลดความเสียหายที่เกี่ยวกับแอลกอฮอล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                      ขณะนี้เรามีหุ้นส่วนซึ่งมีทั้งองค์กรที่ทำงานโดยไม่แสวงหากำไร และบุคคลที่สามที่ทำหน้าที่จัดการกับภัยที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ในด้านต่างๆ

                      พันธสัญญาของเราคือ เมื่อถึงปี 2015 เราจะมีคู่ค้าที่ช่วยลดภัยที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ในบริษัทส่วนใหญ่ที่เราเป็นเจ้าของทั้งหมด

บรรจุภัณฑ์
                      ทุกบรรจุภัณฑ์หลักและรองของเราและเนื้อหาที่ใช้สื่อสารและโฆษณาที่จุดบริโภคจะมีโลโก้ Enjoy Heineken Responsibly ซึ่งหมายความว่าข้อความ Enjoy Heineken Responsibly จะอยู่บนขวดและกระป๋องนับร้อยล้านในแต่ละปี



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น